วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข่าวน้ำท่วม

 
 
        คันกั้นน้ำทางทิศเหนือของท่าอากาศยานดอนเมืองแตก น้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า และลานจอดรถ เจ้าหน้าที่เร่งตัดไฟและสูบน้ำออก เนื่องจากยังมีผู้ประสบภัยพักพิงอยู่จำนวนหนึ่ง ขณะที่ 'โทลล์เวย์ ' เปิดให้ใช้ฟรี ถึงวันที่ 5 พ.ย.นี้...
 
        วันที่ 27 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ที่่ผ่านมา คันกั้นน้ำทางทิศเหนือของท่าอากาศยานดอนเมืองแตกและพังลง ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า และลานจอดรถทางด้านทิศเหนือ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องตัดไฟ ทำให้บางจุดไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอย่างเร่งด่วน เนื่องจากที่อาคารผู้โดยสาร 2 ของท่าอากาศยานดอนเมือง ยังคงมีผู้ประสบภัยพักพิงอยู่จำนวนหนึ่ง
 
 
        ส่วนระดับน้ำที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าท่าอากาศยานดอนเมือง เช้าวันนี้ระดับน้ำได้เพิ่มขึ้นบ้าง ขณะที่ บริษัท ทางยกระดับ ดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือทางด่วนโทลล์เวย์ ได้ยกเลิกการจัดเก็บค่าผ่านทางด่วนโทลล์เวย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 27 ต.ค. ไปจนถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 5 พ.ย. เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชน ประกอบกับพื้นที่ด้านล่างถนนวิภาวดีรังสิต มีน้ำท่วมเข้ามาถึงแยกหลักสี่แล้ว ซึ่งการเปิดโทลล์เวย์ฟรี จะทำให้ประชาชนสามารถใช้ทางด่วนไปลงรังสิตได้ เพราะในเวลาอันใกล้นี้ ทางกรมทางหลวงจะเร่งกู้ถนนพหลโยธิน ช่วงบางปะอิน-วังน้อย เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปภาคอีสานได้.
 
 
 
น้ำเอ่อท่วม หน้าวัดพระแก้ว
 
 
        วานนี้(26 ตุลาคม) เมื่อช่วงเย็นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูง ทำให้น้ำได้ไหลเอ่อล้นท่อระบายน้ำ จนไหลท่วมบริเวณถนนหน้าพระลาน หน้าพระบรมมหาราชวัง หน้าวัดพระแก้ว รวมถึงถนนโดยรอบริมฟั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
 
        ล่าสุด 08.52น. วันนี้ ถ.หน้าพระลาน ตลอดเส้นทาง มีน้ำท่วมผิวจราจร รถเล็กยังผ่านได้
 
ศปภ.ประกาศ คันน้ำทิศเหนือดอนเมืองแตกน้ำสูง
 
 
        เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ว่า พนังกั้นน้ำบริเวณทางทิศเหนือของท่าอากาศยานดอนเมืองแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมลานจอดรถ และระดับน้ำได้เพิ่มความสูงจนเป็นอันตรายต่อหม้อแปลงไฟฟ้า ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตัดไฟ เพื่อแก้ไขยกหม้อแปลงขึ้นก่อนจ่ายไฟฟ้าอีกครั้ง

        สำหรับบรรยากาศทั่วไปที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางมาบ้างแล้ว แต่วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากท่าอากาศยานดอนเมือง มีน้ำท่วมขังสูง รถเล็กผ่านไปมาได้ไม่สะดวก
 
 
อัพเดทน้ำท่วม 26 ตุลาคม 54
 
 
ประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 6/2554
โดย The Bangkok Governor เมื่อ 26 ตุลาคม 2011 เวลา 20:17 น.
ประกาศกรุงเทพมหานคร
 
เรื่อง แจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 6/2554
 
ตามที่ได้มีประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยกรุงเทพมหานครในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาตามลำดับนั้น
 
        เนื่องจากขณะนี้ปรากฏว่าน้ำเหนือได้ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วและมีปริมาณจำนวนมากประกอบกับน้ำทะเลหนุนในระดับที่มากกว่าปกติ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นมากกว่าปกติ และอาจจะเอ่อท่วมพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยากรุงเทพมหานคร จึงขอแจ้งให้ประชาชนทราบและขอแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ทั้งนอกและในแนวคันกั้นน้ำ และเพื่อความปลอดภัย ขอให้ขนย้ายสิ่งของ ทรัพย์สินมีค่า รถยนต์ ปลั๊กไฟฟ้า เป็นต้น ขึ้นที่สูง และพิจารณาตัดสินใจเคลื่อนย้ายไปพักอาศัยบริเวณที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม โดยเฉพาะไปยังศูนย์พักพิงที่กรุงเทพมหานครจัดไว้ สถานที่พักอาศัยของญาติ หรือของสถานที่ที่หน่วยงานอื่นของรัฐหรือภาคเอกชนได้จัดไว้ และขอให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จากข่าวสารของกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
 
        ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากรุงเทพมหานครได้ทำหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานครอย่างสุดความสามารถ และในกรณีที่อาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงก็ได้มีแผนการอพยพและช่วยเหลือประชาชนไว้แล้ว โดยสามารถเปิดดูได้ที่เว็บไซต์ bangkok.go.th หรือสอบถามได้ที่สำนักงานเขต  หรือศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจและแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ.2554
 
ศูนย์พักพิงชั่วคราว เขตบางพลัด รับได้ทั้งหมด 550 คน ได้แก่
 
ร.ร.วัดฉัตรแก้วจงกลณี 0-2424-3321 , 089-498-7085 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดสามัคคีสุทธาวาส 0-2424-0200 , 086-392-8899 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดบางพลัด (ป.สุวณโณ) 0-2434-3268 , 081-930-8824 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดเทพากร 0-2424-4089 , 089-990-0641 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดรวก 0-2424-2461 , 081-685-3834 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดคฤหบดี 0-2424-4046 , 087-980-1551 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดพระยาศิริไอยสวรรค์ 0-2424-0417 , 086-991-6020 รับได้ 50 คน
ร.ร.บางยี่ขันวิทยาคม 0-2424-1208 , 081-825-3733 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดเปาโรหิตย์ 0-2424-1374 , 081-401-4072 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดวิมุตยาราม 0-2424-1025 , 081-804-7422 รับได้ 50 คน
ร.ร.วัดอาวุธวิกสิตาราม 0-2424-1249 , 089-141-3448 รับได้ 50 คน
 
ศูนย์พักพิงชั่วคราว เขตดอนเมือง รับได้ทั้งหมด 2,000 คน
 
ร.ร.วัดดอนเมือง 0-2566-2862 , 081-869-3464 รับได้ 500 คน
ร.ร.ประชาอุทิศ 0-2929-2172 , 084-427-3676 รับได้ 800 คน
ร.ร.บำรุงรวิวรรณวิทยา 0-2536-2196 , 084-459-4774 รับได้ 500 คน
ร.ร.เปรมประชา 0-2573-4956 , 081-692-0232 รับได้ 200 คน
 
 
 
ผู้เชี่ยวชาญดัตช์ชี้กรุงเทพฯสุดเสี่ยงจมบาดาล รบ.ยุ่นเตือนเลี่ยงมาเยือน
 
 
        อาดรี เฟอร์เวย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำจากเนเธอร์แลนด์ระบุ ปัญหาใหญ่ที่น่าหนักใจที่สุดของทางการไทยในการรับมือน้ำท่วมกรุงเทพฯเวลานี้ คือ คันกั้นน้ำที่มีอยู่อาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอและอาจพังลง ซึ่งอาจทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เพราะแม้แต่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ อย่างสุขุมวิท ก็ต้องจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มระดับเตือนภัยเป็น "ระดับ 3" แก่ชาวญี่ปุ่นให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้บริษัททัวร์ชั้นนำของญี่ปุ่นยกเลิกโปรแกรมทัวร์เมืองหลวงของไทย...
 
        สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 ต.ค. โดยอ้างอาดรี เฟอร์เวย์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรน้ำชื่อดังจากเนเธอร์แลนด์ ที่ออกมาระบุว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทย ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นกว่า 10 ล้านคน  กำลังเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ในการรับมือกับเหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษ พร้อมชี้กรุงเทพฯจะจมบาดาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของคันกั้นน้ำว่าจะสามารถต้านทานมวลน้ำจำนวนมหาศาลกว่า 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ไหลทะลักมาจากพื้นที่ตอนเหนือของประเทศได้หรือไม่
 
        เฟอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้แทนจากสถาบันวิจัย "Deltares" ของเนเธอร์แลนด์ ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อให้คำแนะนำแก่รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ออกมาเปิดเผยว่า ความพยายามในการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือ "ความแข็งแกร่งของคันกั้นน้ำ" ตามจุดต่างๆ ว่าจะมีศักยภาพในการรับมือกับมวลน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลมาจากตอนบนของประเทศได้หรือไม่
 
        เฟอร์เวย์ ยังชี้ว่า ปัญหาใหญ่ที่น่าหนักใจที่สุดของทางการไทยในเวลานี้ คือ การที่คันกั้นน้ำโดยรอบกรุงเทพฯ ยังไม่เคยต้องรับมือกับมวลน้ำที่มีปริมาณมากเช่นนี้มาก่อน และคันกั้นน้ำที่มีอยู่อาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอและอาจพังลง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นย่อมทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เพราะแม้แต่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ อย่างสุขุมวิท ก็อาจต้องจมอยู่ใต้น้ำ

  เฟอร์เวย์  คนกลาง
 
        "การออกคำสั่งอพยพในมหานครที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 10 ล้านคนอย่างกรุงเทพฯ ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ตามมา" เฟอร์เวย์ กล่าวเสริมขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มระดับเตือนภัยเป็น "ระดับ 3" แก่ชาวญี่ปุ่นให้เพิ่มความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนกรุงเทพมหานคร หลังจากที่เมืองหลวงของไทยเริ่มถูกน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้บริษัททัวร์ชั้นนำของญี่ปุ่นอย่างน้อย 3 แห่ง คีือ เจทีบี, นิปปอน ทราเวล เอเจนซี และกิงกิ นิปปอน ทัวริสต์ ประกาศยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวในประเทศไทยจนถึงวันที่ 15 พ.ย.เป็นอย่างน้อย ขณะที่บริษัท ฮันเกียว ทราเวล ประกาศยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวในไทยจนถึง 30 พ.ย.
 
        ในอีกด้านหนึ่ง อบาห์ โอฟอน  นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก "สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด" ประจำสิงคโปร์ ออกมาให้ความเห็นว่า แม้ภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้จะส่งผลให้ผลผลิตข้าวของไทยได้รับความเสียหายและมีปริมาณลดลงมากถึงร้อยละ 14  แต่ประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกก็ยังมีศักยภาพมากพอที่จะเพิ่มผลผลิตข้าวได้ถึง 11 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประเมินของผู้เชี่ยวชาญถึงกว่า 500,000 ตัน
 
        ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในไทยได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 370 ราย ส่วนอีกมากกว่า 100,000 คนต้องกลายเป็นผู้อพยพไปพักพิงอยู่ตามศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมราว 9,850 แห่งในพื้นที่ 8 จังหวัดสำคัญ ซึ่งจ้างแรงงานชาวไทยไว้กว่า 660,000 คนต่างได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการชั่วคราว.
 
รันเวย์ท่าอากาศยานดอนเมือง ขยายวงกว้างกินพื้นที่รันเวย์เกือบ 90%
 
 
        น้ำที่ไหลมาจากด้านเหนือของสนามบินจนทะลักท่วมรันเวย์ท่าอากาศยานดอนเมือง ขยายวงกว้างกินพื้นที่รันเวย์เกือบ 90% และท่วมไปจนถึงคลังสินค้า แต่ยังไม่กระทบศูนย์กระจายสินค้าของ ศปภ.
 
        ความแรงของน้ำที่ขึ้นมาทางท่อระบายน้ำ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานจะท่วมเต็มพื้นที่รันเวย์ทั้งหมด ขณะที่เครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่และกลาง ยังจอดทิ้งอยู่กว่า 10 ลำ ส่วนอุปกรณ์ทางการบินอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ขนย้ายออกนอกพื้นที่หมดแล้วส่วนบริเวณชั้น 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายสิ่งของไปยังสนามศุภชลาศัย พร้อมกับนำกระสอบทรายมาวางบริเวณประตูห้องเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นระบบควบคุมทั้งอาคารของ ศปภ.
 
 
เพนตากอนห่วงน้ำท่วมไทย-ชมรัฐบาลรับมือรวดเร็ว
 
 
        แม้กองทัพสหรัฐฯ จะถอนเรือรบ “ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน” ออกจากทะเลไทยแล้ว แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯยังพร้อมให้ความช่วยเหลือวกฤติน้ำท่วม พร้อมชมรัฐบาลไทยรับมือสถานการณ์รับมือภัยพิบัติได้รวดเร็ว...
 
        สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเพนตากอน แถลงชื่นชมรัฐบาลไทยกรณีรับมือภาวะน้ำท่วมใหญ่และว่าสหรัฐฯพร้อมช่วยเหลือ ถ้าจำเป็น โดยนายจอร์จ ลิทเทิล โฆษกเพนตากอน ระบุในแถลงการณ์ว่านายลีออน พาเนตตา รมว.กลาโหมสหรัฐฯกำลังตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และชื่นชมรัฐบาลไทย ที่รับมือภัยพิบัติน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่ไทยเป็นพันธมิตรใกล้ชิด สหรัฐฯจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทยต่อเนื่อง เพื่อประเมินว่าอาจต้องการความช่วยเหลืออะไรจากสหรัฐฯบ้าง
 
 
        แถลงการณ์ของเพนตากอน ระบุด้วยว่าก่อนหน้านี้ นายพาเนตตา ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนญี่ปุ่น ได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมในไทยตลอดช่วงภารกิจการเยือนภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิกที่ผ่านมา พร้อมแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคน ข่าวระบุต่อไปว่า แถลงการณ์ของเพนตากอนมีขึ้นท่ามกลางคำถามถึงวิธีการรับมือ วิกฤติน้ำท่วมของรัฐบาลไทยหลังปฏิเสธการเสนอช่วยเหลือจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่จะส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน” และเรือรบอีก 3 ลำ ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ แต่เมื่อไม่มีคำร้องขออย่างเป็นทางการ เรือเหล่านี้จึงแล่นไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มุ่งหน้าไปยังญี่ปุ่นเพื่อภารกิจฝึกซ้อมประจำปี ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯคนหนึ่งเผยที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์ที่ 24 ต.ค.ว่า สหรัฐฯได้รับข้อมูลจากไทยแบบ "ผสมปนเป" เกี่ยวกับความช่วยเหลือของสหรัฐฯ กระทั่งจบลงตรงที่ไม่มีการร้องขอออกมาอย่างเป็นทางการ.
 
 
 
อพยพหนีกลางดึกสารเคมีรั่วปนน้ำท่วมย่านติวานนท์เจ็บ4
 
 
 
25 ครัวเรือนย่านสะพานนวลฉวี อพยพกลางดึกอลหม่าน หลังคันกั้นน้ำใต้สะพานพัง น้ำทะลักหอบสารพิษจากโรงงานใกล้เคียงปนมาด้วย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย...
 
        เมื่อเวลา 02.10 น.วันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลปะปนมากับน้ำที่ท่วมโรงงานย่านถนนติวานนท์ใกล้สะพานนวลฉวี จนเป็นเหตุให้มีผู้รับบาดเจ็บจากการสูดดมสารพิษ จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทราบว่าก่อนเหตุ คันกั้นน้ำบริเวณใต้สะพานนวลฉวีพังทลายลงมาบางส่วนจนเป็นเหตุให้น้ำไหลทะลักเข้ามาในพื้นที่ และท่วมถึงโรงงานใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จากนั้นไม่นานก็มีกลิ่นสารพิษโชยออกมาคลุ้งทั่วบริเวณ จนทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บจากการสูดดมสารพิษ 3 ราย ซึ่งได้นำตัวส่งศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุฯ (โรงพยาบาลชลประทาน)เรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่ดังกล่าวนั้นทราบว่ามีบ้านเรือนประชาชนอยู่ราว 25 หลังคาเรือน ซึ่งได้มีการอพยพออกนอกพื้นที่ดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกัน ขณะที่กลิ่นสารเคมีได้เจือจางลงจากเดิมบ้างแล้ว
 
        ขณะที่ทางด้านศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุฯ หรือโรงพยาบาลชลประทานนั้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้รับตัวผู้ป่วยจากเหตุสูดดมสารพิษทั้งสิ้น 4 ราย รายแรกเป็นชายชื่อ นายต้น ไม่ทราบนามสกุล อาการไม่สาหัส แต่แพทย์ให้พักรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลเพื่อดูอาการก่อน รายที่ 2 เป็นหญิง ชื่อ น.ส.ปิยะภรณ์ กล่ำน้อย อายุ 45ปี อาการสาหัส แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ รายที่ 3 นางสำฤิทธิ์ กล่ำน้อย อายุ 79 ปี แพทย์ให้พักรักษาตัวเพื่อดูอาการ และรายสุดท้ายเป็นเด็กชาย ชื่อ ด.ช.นันทศักดิ์ แตงทอง อายุ 7 ปี ยังอยู่ในอาการซึม แพทย์ให้พักรักษาตัวเพื่อสังเกตอาการต่อเช่นเดียวกัน